Lamborghini
Gallardo LP570-4 Superleggera
อีกลิมิเต็ดเอดิชันที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้นิยมกระทิงทั่วโลก
เพราะทันทีที่เห็นป้ายของคำว่า Superleggera แล้ว
มั่นใจได้เลยว่าลัมบอร์กินีคันนั้นจะต้องพกสมรรถนะแบบไม่ธรรมดามาด้วย เพราะว่าม้า 1
ตัวในคอกจะรับหน้าที่ในการแบกน้ำหนักน้อยลงจากเวอร์ชันปกติ
และส่งผลต่อเนื่องไปยังอัตราเร่งในช่วงต้นตามคอนเซ็ปต์ที่แปลตรงตัวเป็นภาษาอังกฤษว่า
Super Light หรือ Light Weight
หลังจากเผยโฉมให้เห็นในงานที่เจนีวา
มอเตอร์โชว์ 2010 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ถึงตอนนี้ลัมบอร์กินีพร้อมแล้วกับการส่งเวอร์ชัน Superleggera ของสปอร์ตรุ่นเล็กกัลญาร์โด้ลงขายในตลาด
โดยเป็นการพัฒนาบนพื้นฐานของเวอร์ชันตัวแรงในรหัส LP560-4
เวอร์ชัน Superleggera กับรุ่นกัลญาร์โด้มีจุดเริ่มต้นกันมาตั้งแต่ปี 2007
เพียงแต่คราวนั้นตัวรถถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของกัลญาร์โด้รุ่นปกติ
และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า กวาดยอดขายไปได้ 618 คัน
ส่วนรุ่นใหม่นี้ยึดเอาเวอร์ชัน LP560-4 ที่เปิดตัวในปี 2008
มาเป็นพื้นฐานในการพัฒนาเพื่อลดน้ำหนัก
โดยยึดเอาตัวถังคูเป้หลังคาแข็งมาเป็นแม่แบบในการพัฒนาก่อน
ส่วนจะมีเวอร์ชันเปิดประทุนตามออกมาในภายหลังหรือไม่นั้น
ยังไม่มีการเผยออกมาในตอนนี้
รูปลักษณ์ภายนอกของตัวรถได้รับการออกแบบและเพิ่มความดุดันตามสไตล์สปอร์ตเวอร์ชันพิเศษ
โดยมีการนำคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้ตามจุดต่างๆ ของตัวรถเพื่อลดน้ำหนัก เช่น
ฝาครอบเครื่องยนต์ที่อยู่ตรงกลาง, สปอยเลอร์หลัง, แผ่น Diffuser ตรงชายล่างของกันชนท้าย และโครงเบาะนั่ง
ขณะที่กระจกบังลมหลังและกระจกหน้าต่างบนประตูผลิตจากโพลีคาร์บอเนต
หรือล้อแม็กลายใหม่ขนาด 19 นิ้วก็ถูกผลิตด้วยวิธี Forged ซึ่งทำให้สามารถช่วยลดน้ำหนักต่อเซ็ต (4 วง) จากล้อแบบธรรมดาถึง 13 กิโลกรัม น็อตล้อผลิตจากไททาเนียม
และจับคู่กับยางขนาด 235/35ZR19 สำหรับด้านหน้า และ 295/30ZR19 ทำให้น้ำหนักโดยรวมลดลงอีก 70 กิโลกรัมจากรุ่น LP560-4 ลงมาอยู่ที่ 1,340 กิโลกรัม
ส่วนอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักด้านหน้าและหลังอยู่ที่ 43:57 %
เครื่องยนต์วี10 5,200 ซีซีแบบไดเร็กต์อินเจ็กชันเหมือนเดิม
หรือที่เรียว่า Iniezione
Diretta Stratificata ก็ได้รับการขยับเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นอีกนิดตามชื่อรุ่นด้วยการปรับแต่งโปรแกรมในกล่องควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์
กำลังที่ได้เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 10 ตัว จาก 412 กิโลวัตต์ หรือ 560 แรงม้ามาอยู่ที่ 419 กิโลวัตต์ หรือ 570 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 55.0 กก.-ม. ที่ 6,500 รอบต่อนาที ม้า 1 ตัวแบกน้ำหนักแค่ 2.35 กิโลกรัม
ขับเคลื่อน 4
ล้อซึ่งกระจายกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อหน้า-หลังในอัตราส่วน 30-70% ซึ่งลัมบอร์กินียึดระบบขับเคลื่อน 4
ล้อใช้มาตลอดหลังจากเข้าสู่ยุคใหม่ที่มีออดี้เป็นผู้บริหาร ยกเว้นตัวแรงรุ่น LP550-2 Valentio Balboni ที่เปลี่ยนมาเป็นแบบขับหลัง และ LP570-4 Superleggera ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะแบบคลัตช์ไฟฟ้า หรือ e-Gear อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่ในระดับ 3.4 วินาที และ 10.2 วินาทีสำหรับ 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยความเร็วสูงสุดอยู่ในระดับ 325
กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ค่าตัวของความเบาที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อความเบาของกระเป๋าเงินด้วยเช่นกัน
เพราะลัมบอร์กินีเคาะราคาออกมาที่ 242,695 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 8 ล้านบาท แพงกว่า LP560-4 ประมาณ 34,700 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.1 ล้านบาท
บ้านเราเข้ามาก็ไม่รู้ว่าจะตั้งเอาไว้ที่เท่าไร เพราะขนาด LP560-4 ก็ซัดเข้าไปแล้ว 26.5 ล้านบาท ส่วนข่าวดีคือ
รุ่นนี้ไม่มีการผลิตจำกัด ยังมีเวลาตัดสินใจกันได้



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น